วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

การตั้ง Picture Style ในการถ่ายวีดีโอ

หมายเหตุ : คลิบนี้ใช้อุปกรณ์บันทึกเสียงที่ต่างกันถึง 3 อย่าง
จึงทำให้เสียงออกมาไม่เหมือนกันในบางช่วง

คลิบนี้เป็นการแนะนำการตั้งค่า Picture Style ของกล้อง DSLR เวลาที่เราจะใช้ถ่ายวีดีโอนะครับ
แต่ไม่ใช่แค่แนะนำว่า ไปตั้งตรงไหน (เพราะอันนี้น่าจะหาทางตั้งกันไม่ยาก แถมในคู่มือก็มีมากมาย) แต่จะบอกนี้คือ ตั้งแบบไหนถึงจะได้ภาพออกมามีคุณภาพที่สุด และยืดหยุ่นในการนำไปปรับใช้มากที่สุด เท่าที่กล้องจะทำได้ (แน่นอนว่ารุ่นที่สูงกว่า ราคาแพงกว่าย่อมทำได้ดีกว่า)

โดย Picture Style ที่เราจะตั้งกันนี้ เรียกกันว่าแบบ Flat (แบนนั่นเอง) หรืออาจจะชื่อ Cine Style (Cinema Style) ก็ได้ สามารถไปดาวน์โหลด Preset มาใช้ หรือตั้งเองก็ทำได้ไม่ยาก (ดูตามคลิบ)

ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะแบบ Flat จะทำให้ภาพที่ได้มี Contrast ต่ำ สีจะไม่เข้ม ภาพจะจืดๆ แต่แบบนี้แหล่ะ ข้อมูลภาพในส่วน Hi-light และ Shadow จะถูกบันทึกไว้มากกว่าแบบ Standard เมื่อเราเอามาปรับดึงแสงสว่างขึ้นหรือลดแสงลง เราสามารถ "ขุด" รายละเอียดขึ้นมาได้พอประมาณ 

จริงๆ ถ้าเป็นกล้องระดับสูง สามารถที่จะถ่ายวีดีโอแบบ RAW ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับถ่ายภาพแบบ RAW ในรูปแบบภาพนิ่งนั่นเอง แต่จะใช้พื้นที่ในการบันทึกไฟล์มากมายเลยทีเดียว

นี่คือภาพเปรียบเทียบระหว่างการถ่าย Picture Style แบบ Standard และแบบ Flat


เมื่อถ่ายตอนกลางวัน แสงสว่างเพียงพอ จะเห็นได้ว่าแบบ Standard นั้นสีสวยดีอยู่แล้ว แต่แบบ Flat สีจะไม่สวย แถมเวลาเอาไปตัดต่อ ต้องมาปรับแสงสีอีก เป็นการเพิ่มงานให้ตัวเอง แล้วจะทำทำไม?

พอมาดูกลางคืนบ้าง....


จะเห็นได้ชัดเลยว่า พอกลางคืนแล้ว แสงน้อย แบบ Standard ที่มี Contrast ปกติ จะทำให้ภาพดูมืดไปเลย ในขณะที่แบบ Flat กลับกลายเป็นสว่าง ภาพดูเนียนสวยกว่าซะอย่างนั้น

นอกจากนี้ การถ่ายมาแบบ Flat จะทำให้เราได้วัตถุดิบที่ดีกว่า เมื่อนำมาปรับสี (Color Grading) ให้ได้ Mood & Tone ที่ต้องการ เราจะได้สีที่สวยกว่า เกิด Artifact ที่ภาพ (ภาษาบ้านๆ ก็คือ เกิดรอยกลาก เละ บนภาพนั่นแหล่ะ) น้อยกว่า เพราะการปรับสีมากๆ จะทำให้ภาพเสียหาย แต่ภาพแบบ Flat จะมีความเข้มข้นของสีน้อยกว่าปกติอยู่แล้ว ทำให้การปรับเปลี่ยนสีจึงน้อยกว่า ภาพจึงเสียหายน้อยกว่า

นี่คือตัวอย่างการปรับแก้สี ให้เป็นไปตาม Mood & Tone ที่ต้องการ แบบ 3 Ways Control (ปรับตรง Hi-light, Midtone, Shadow)


แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า การจะถ่ายทุกครั้ง ต้องใช้ Picture Style Flat เสมอไป อันนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ทำด้วย หากว่าไม่ต้องการเพิ่มขั้นตอนการทำงาน หรือมีเวลาน้อย หรือไม่ต้องการแก้สีอะไรมากมาย ก็สามารถใช้ Picture Style Standard ถ่ายได้ โดยเฉพาะเวลากลางวันที่แสงสว่างเพียงพออยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นกลางคืน แสงน้อย ก็ควรใช้แบบ Flat เพื่อให้ภาพไม่มืดเกินไปนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น